• Connect with us

    Enter Books

    Uncategorized

    ทดลองอ่าน นิยายสยบฟ้าพิชิตปฐพี เล่ม 26 ตอนที่ 2

    หลังจากซั่งกวนหยางอวี่ออกจากวังกลับถึงจวนแล้วก็ปิดประตู

    ฮูหยินมันนั่งอยู่ข้างเตียงนำยาต้มมาให้ดื่ม ถามอย่างเป็นกังวลว่า

    “หรือว่าต้องฟาดศีรษะตัวเองอีกสักกระบอง”

    ซั่งกวนหยางอวี่ถอนใจอย่างเศร้าสร้อย

    “ครั้งนี้คงต้องเอาผ้าขาวมาผูกคอตาย”

    ซั่งกวนฮูหยินสะดุ้งโหยง ถามว่า

    “จักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ อำนาจขององค์หญิงมากล้นฟ้า ในเมื่อนางให้ความสำคัญกับท่าน ท่านก็ตอบรับสิ ไยต้องถึงกับจะเป็นจะตาย”

    ซั่งกวนหยางอวี่ถลึงตารูปสามเหลี่ยม กล่าวตำหนิ

    “สตรีโง่เขลาเบาปัญญาเช่นเจ้าจะรู้เรื่องอะไร อำนาจล้นฟ้ายังต้องดูว่าล้นได้กี่วัน หากข้าเข้ากับฝ่ายองค์หญิงแน่นอนว่าจะได้ลาภก้อนใหญ่และได้เลื่อนตำแหน่ง แต่เมื่อพระอัครมเหสีพาองค์ชายหกกลับมาถึงฉางอัน ข้าจะทำอย่างไร”

    ซั่งกวนฮูหยินฟังแล้วก็หัวเราะ

    “ท่านพี่ ทุกๆ วันท่านเอาแต่พูดว่ากฎหมายของต้าถังอยู่เหนือสิ่งอื่นใด เหตุใดเวลานี้ลืมเสียแล้วเล่า จักรพรรดิถือพระราชโองการขึ้นครองบัลลังก์ ผู้ใดกล้าคัดค้าน ผู้ใดคัดค้านได้”

    “บอกว่าเจ้าไม่รู้เรื่องก็คือไม่รู้เรื่อง พระราชโองการแน่นอนว่าทำปลอมไม่ได้ แต่องค์หญิงจะเรียกใครไม่เรียก ดันเรียกข้าไปคนแรก นี่เพราะเหตุใด เพราะองค์หญิงกังวลว่าฉางอันจะเกิดจลาจลน่ะสิ”

    ซั่งกวนหยางอวี่กล่าวต่ออีกว่า

    “สถานการณ์แบบไหนที่ฉางอันจะเกิดจลาจล ก็สถานการณ์ที่มีใครบางคนไม่พอใจอย่างไรเล่า”

    ซั่งกวนฮูหยินยิ่งไม่เข้าใจกว่าเดิม วางชามยาไว้บนโต๊ะแล้วถามอย่างจริงจัง

    “ใครหรือที่ก่อปัญหาได้”

    ซั่งกวนหยางอวี่ยิ้มเยาะ

    “ตอนนี้เหล่าขุนนางคนสำคัญในราชสำนักไม่ว่าจะเป็นฝ่ายพระอัครมเหสีหรือฝ่ายองค์หญิงล้วนไม่เข้าใจเรื่องเรื่องหนึ่ง ตามความเห็นของข้า แม้แต่จักรพรรดิหรือองค์หญิงก็ไม่เข้าใจ พระราชโองการไม่ใช่กุญแจสำคัญ เมืองฉางอันไม่ใช่กุญแจสำคัญ แม้แต่แม่ทัพใหญ่พวกนั้นก็ไม่ใช่กุญแจสำคัญ”

    ซั่งกวนฮูหยินจึงถามอย่างประหลาดใจ

    “แล้วอะไรคือกุญแจสำคัญ”

    “ท่าทีของสถานศึกษา”

    ซั่งกวนหยางอวี่ตอบ

    ในช่วงเวลาเช่นนี้คนที่สามารถรักษาความสุขุม มีสติ และค้นหากุญแจสำคัญในเรื่องราวที่ซับซ้อนได้อย่างแม่นยำ นอกจากซั่งกวนหยางอวี่แล้วก็ดูเหมือนว่ายังมีอีกแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำได้

    บ้านของเฉาเสี่ยวซู่อยู่ใกล้กับศาลาชุนเฟิงในเขตนครตะวันออก

    เฉาเสี่ยวซู่กำลังอุ้มบุตรสาวนั่งอยู่ข้างบิดา สนทนากันเบาๆ แล้วใช้ปลายตะเกียบจุ่มลงในสุรายื่นไปที่ปากเด็ก ไม่รอให้เด็กเลียด้วยความอยากรู้อยากเห็น หลินจื่อรีบเข้ามาแย่งไป ถลึงตาใส่มัน

    วันนี้เป็นวันเกิดของเฉาเหล่าไท่เหยีย บ้านสกุลเฉาไม่ได้จัดงานเลี้ยงใหญ่โต เชิญคนที่สนิทกันมาเพียงไม่กี่คน ตอนแรกบรรดาพี่น้องในพรรคมัจฉามังกรต่างคนต่างขอลางานมาจากหน่วยงานของตน ถือของขวัญมาตั้งแต่เช้า

    พวกมันคิดว่าจักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ คลื่นใต้น้ำของเมืองฉางอันมีการเคลื่อนไหว บ้านสกุลเฉาจัดงานเลี้ยงต้องเป็นเพราะลูกพี่มีถ้อยคำจะสั่งการแน่นอน ทุกคนคารวะเฉาเหล่าไท่เหยียเสร็จก็ต่างรอคอยคำสั่งอยู่อย่างสงบ คิดไม่ถึงในงานเลี้ยงเฉาเสี่ยวซู่ไม่ได้พูดอะไรเป็นพิเศษ มีเพียงภาพครอบครัวแสนสุขเท่านั้น

    ทันใดนั้นพ่อบ้านของสกุลเฉาเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน กล่าวเบาๆ สองสามประโยค ผู้คนในงานเลี้ยงได้ยินแล้วต่างตกใจ เฉาเสี่ยวซู่กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ถามด้วยน้ำเสียงปกติว่า

    “องค์หญิงส่งของขวัญอะไรมา”

    พ่อบ้านอ่านรายการให้ฟังอย่างละเอียด ไม่กล้าขาดตกบกพร่อง

    ในบรรดาของขวัญที่หลี่อวี๋ส่งมาส่วนใหญ่เป็นของที่มอบให้เฉาเหล่าไท่เหยีย…มีไม้เท้าไม้หวงหยาง หินสลักโซ่วซัน (เขาอายุยืน) ปูทะเลสาบจากต้าเจ๋อ สุราจิ่วเจียงสองกลั่นของเขตเหอเป่ย ที่มอบแก่ภรรยาของเฉาเสี่ยวซู่คือเครื่องประทินโฉมร้านเฉินจิ่นจี้และผ้าไหมจากในวัง ส่วนที่เหลือเป็นของเล่นเด็กจำนวนมาก

    ฟังพ่อบ้านอ่านรายการของขวัญ เฉาเสี่ยวซู่พลันเลิกคิ้ว คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงจะส่งของขวัญธรรมดาๆ พวกนี้มา จึงเงียบไปครู่ก่อนกล่าวว่า

    “กินต่อ”

    พี่น้องทุกคนจึงกินข้าวและดื่มสุรากันต่อ

    จบงานเลี้ยงเฉาเหล่าไท่เหยียไปที่สวนหลังบ้านชมการแสดงที่ว่าจ้างคณะนักแสดงเร่มา ภรรยาของเฉาเสี่ยวซู่อุ้มลูกน้อยไปพักผ่อน พ่อบ้านและคนใช้ทั้งหมดถูกสั่งให้ออกไปด้านนอก เหลือเพียงเหล่าพี่น้องของพรรคมัจฉามังกร

    เฉาเสี่ยวซู่ประคองถ้วยน้ำชาแกว่งเบาๆ กล่าวว่า

    “ตอนนี้พวกเจ้าไม่ใช่นักเลงเหมือนสมัยก่อนแล้ว จะทำอะไรอย่าให้เอิกเกริก โดยเฉพาะเฉินชี ช่วงนี้เจ้าอย่าได้ไปยุ่งเกี่ยวกับการจัดระเบียบหน่วยองครักษ์ ต่อให้สวีฉงซานสงสัยเจ้า เจ้าก็ไม่ต้องสนใจ ส่วนฉีซื่อเจ้าให้พี่น้องในพรรคสงบเสงี่ยมไว้ก่อน”

    นานมากแล้วที่มันไม่ได้จัดการงานของพรรค แต่สำหรับพรรคมัจฉามังกร คำพูดของมันยังคงเหมือนคำประกาศิต ฉางซือเวยและคนอื่นๆ แม้เบื้องหน้าคือออกจากพรรคและรับราชการในราชสำนัก แต่จะไม่คัดค้านคำสั่งของเฉาเสี่ยวซู่โดยเด็ดขาด ถึงขนาดไม่ถามอะไรสักคำ

    คนเดียวที่ถามคือเฉินชี เพราะมันคือมันสมองของพรรค

    “แล้วพี่หลิวต้องทำอย่างไร”เฉินชีมองชายวัยกลางคนที่นิ่งเงียบอยู่หัวโต๊ะด้านขวา “องค์หญิงจัดการเรื่องราวอย่างเหมาะสม พวกเราได้แต่น้อมรับ แต่พี่หลิวตอนนี้กำกับดูแลค่ายเซียวฉี ในวังไม่มีทางให้พี่หลิวนิ่งเงียบไปเรื่อยๆ เป็นแน่ ช้าเร็วก็ต้องให้แสดงท่าทีที่ชัดเจน”

    เฉาเสี่ยวซู่วางถ้วยน้ำชาลง กล่าวว่า

    “มีพี่น้องหลายคนที่ตอนนี้รับตำแหน่งอยู่ในราชสำนัก ในเมื่อเป็นขุนนางก็ต้องทำงานให้ราชสำนัก ตามกฎหมายของต้าถังที่มีอยู่เดิม สมควรทำเช่นไรก็ทำเช่นนั้น”

    ในห้องเงียบกริบ แม้ทุกคนยอมรับว่าที่เฉาเสี่ยวซู่พูดมานั้นถูกต้อง ทว่าสถานการณ์ตอนนี้แตกต่างจากเมื่อก่อน มีเรื่องมากมายที่ทุกคนยังเข้าใจไม่กระจ่าง

    เฉินชีขมวดคิ้วมองบรรดาพี่น้องแล้วกล่าวว่า

    “ข้ารู้ว่าทุกคนกำลังคิดสิ่งใด แต่ข้าคิดว่าไม่จำเป็นต้องกังวล เรื่องพระราชโองการนั้นไม่มีปัญหา เพราะเรื่องนี้พิสูจน์ได้ง่าย ตอนที่ฝ่าบาทสวรรคต ในเมืองเฮ่อหลันอย่างน้อยมีคนหลายหมื่นเป็นพยานได้”

    หลิวอู่เหิงนิ่งเงียบมาตลอด ตำแหน่งทางราชการของมันสูงที่สุดและมีความสำคัญที่สุด ถึงตรงนี้มันจึงหันไปถามเฉาเสี่ยวซู่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า

    “พี่ใหญ่ ฝ่าบาทเคยบอกกับท่านหรือไม่ว่าตำแหน่งจักรพรรดิองค์ต่อไปจะยกให้ใคร”

    เฉาเสี่ยวซู่ส่ายหน้า นึกถึงพี่ใหญ่ตัวจริงของพรรคมัจฉามังกรผู้นั้น นึกถึงคนที่เคยเป็นสหายผู้นั้น ตอนนี้ไม่ได้พบกันอีกแล้ว หว่างคิ้วอดแผ่ความรู้สึกห่อเหี่ยวออกมามิได้

    “ช่วงนี้ทุกคนยังไม่ต้องทำอะไร”

    ฉีซื่อค่อนข้างปวดหัว ถามว่า

    “หรือจะให้รอไปเรื่อยๆ แบบนี้”

    “เรื่องที่พวกเราต้องทำคือรอ”

    “รออะไร”

    “รอพระอัครมเหสีและหวงหยางต้าซือกลับถึงฉางอัน”

    “ถ้าพวกมันกลับมาไม่ได้จะทำอย่างไร”

    “นั่นแสดงว่ามีปัญหา”

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in Uncategorized

    นิยายยอดนิยม

    Facebook