• Connect with us

    Enter Books

    Uncategorized

    ทดลองอ่าน นิยายสยบฟ้าพิชิตปฐพี เล่ม 26 ตอนที่ 2

    8 of 8หน้าถัดไป

    ในวังหลวงเมืองฉางอัน

    จักรพรรดิองค์ปัจจุบันหลี่ฮุยหยวนกำลังมองฟ้าที่มัวหมอง แต่อารมณ์บนใบหน้ามิได้มัวหมองตาม มันกล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า

    “เสด็จพี่บอกว่าข่าวลือไม่สำคัญ ความสงสัยต่อพระราชโองการของขุนนางที่คิดกบฏพวกนั้นไม่สำคัญ ใครสนับสนุนเราก็ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคืออำนาจทางทหารและความมั่นคงของฉางอัน”

    เหอหมิงฉือหนีบร่มคันเหลืองยืนเงียบๆ อยู่ข้างกายมัน เงียบอยู่ครู่ก่อนกล่าวว่า

    “หลายปีมานี้องค์หญิงคุ้นเคยกับการปกครอง สำหรับความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ย่อมเชื่อถือและพึ่งพาได้”

    หากแต่คำว่าพึ่งพาได้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะพึ่งพาได้ในทุกด้าน คำพูดประโยคนี้ถ้าขยายให้ลึกซึ้งคือหากทุกเรื่องราวต้องพึ่งพาผู้อื่น เช่นนั้นตัวเจ้ายังมีประโยชน์อะไร

    หลี่ฮุยหยวนเป็นคนฉลาด ฟังเข้าใจความหมายของเหอหมิงฉือ สีหน้าพลันมัวหมอง กล่าวเสียงเย็นชาว่า

    “อย่ามายุให้เราร้าวฉานกับเสด็จพี่ เห็นแก่ที่เจ้าสร้างความดีความชอบเมื่อไม่นานมานี้ วันนี้เราจะถือว่าไม่ได้ยิน ถ้าหากมีครั้งต่อไปเจ้าคงรู้ว่าจะเป็นเช่นไร”

    เหอหมิงฉือหน้านิ่ว รับคำว่า

    “กระหม่อมทราบแล้ว”

    “เมื่อสองปีก่อนเสด็จพี่ส่งเสี่ยนจื๋อหลางไปเมืองถู่หยาง ตอนนี้กองกำลังฝ่ายตะวันออกเฉียงเหนือเท่ากับเป็นของเรา รากฐานของแม่ทัพใหญ่ซูเฉิงไม่มั่นคงเท่าไร กองกำลังฝ่ายตะวันตกจึงค่อนข้างอ่อนแอ ถ้ามันฉลาด ก่อนที่สถานการณ์จะชัดเจนคงไม่ปริปากพูด”

    หลี่ฮุยหยวนกล่าวต่ออย่างไม่แยแสว่า

    “เมื่อคำนวณเวลา ฮว่าซานเยวี่ยตอนนี้น่าจะกำลังคุยกับสวีฉือ ด้วยเรื่องนั้น…ค่ายบัญชาการทัพเหนือคงไม่สนับสนุนสตรีนางนั้นอีกต่อไป”

    เหอหมิงฉือทราบดีว่าเรื่องนั้นที่ฝ่าบาทพูดหมายถึงเรื่องไหน อันที่จริงความลับของพระอัครมเหสีเป็นมันเองที่บอกพวกหลี่อวี๋

    “ตอนนี้ปัญหาเพียงอย่างเดียวคือสวี่ซื่อที่ใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ทางใต้”หลี่ฮุยหยวนกล่าวพร้อมขมวดคิ้ว

    “นี่ก็เป็นปัญหาที่จัดการได้ยาก”เหอหมิงฉือเอ่ย

    หลี่ฮุยหยวนใช้การนิ่งเงียบเป็นการแสดงออกว่าเห็นด้วย

    เหอหมิงฉือกล่าว

    “สวี่ซื่อคือแม่ทัพใหญ่เจิ้นกั๋ว มีประสบการณ์และมีอำนาจมาก แม้แต่กองกำลังอวี่หลินยังต้องฟังคำสั่ง อีกอย่างชื่อเสียงบารมีของมันก็สูง ผู้ใดล้วนทำอะไรมันไม่ได้”

    หลี่ฮุยหยวนมองฟ้าที่มัวหมองเหนือตำหนัก กล่าวด้วยสีหน้ามัวหมองยิ่งกว่า

    “ตาเฒ่านั่นอยู่มานาน แก่แล้วไม่ยอมแก่ไปจริงๆ มีมันอยู่ในราชสำนัก กองทัพของต้าถังที่แท้เป็นของเราหรือว่าของมัน”

    เหอหมิงฉือนิ่งไปครู่ก่อนกล่าวว่า

    “ฝ่าบาทจะเกลี้ยกล่อมแม่ทัพใหญ่สวี่ซื่ออย่างไร กระหม่อมยินดีแบ่งเบาภาระของฝ่าบาท”

    “สมัยก่อนราชครูหลี่ชิงซานเห็นสวี่ซื่อยังต้องเกรงใจอยู่สามส่วน ต่อให้ตอนนี้เราแต่งตั้งเจ้าเป็นราชครูเจ้าจะทำอย่างไรกับมันได้ ถ้าอารามฝ่ายใต้มีความสามารถเช่นนี้ ยังต้องยอมอยู่ต่ำกว่าอาศรมเทพหรือ”หลี่ฮุยหยวนกล่าวเสียดสี

    “ฝ่าบาทกล่าวถูกต้องแล้ว แต่กระหม่อมเชื่อว่าภายใต้การปกครองของฝ่าบาท อนาคตอารามฝ่ายใต้จะต้องยิ่งใหญ่รุ่งเรืองเหนืออาศรมเทพ ไม่ทำให้ต้าถังต้องอับอายอย่างแน่นอน”

    “ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นเรื่องของอนาคต”

    หลี่ฮุยหยวนหรี่ตาเล็กน้อย พลันถามขึ้นว่า

    “พวกเจ้ากับอาศรมเทพอันที่จริงมีต้นกำเนิดเดียวกัน ติดต่อกันอยู่บ่อยครั้ง…เจ้ามีวิธีติดต่อกับคนของอาศรมเทพหรือไม่”

    เหอหมิงฉือรู้สึกคาดไม่ถึง จากนั้นแสร้งทำทีเป็นคัดค้าน

    “ฝ่าบาท เรื่องนี้…”

    “เรารู้ว่านี่เป็นการปรึกษาเสือเพื่อถลกหนังเสือ*เรารู้ว่าอาศรมเทพต้องการอะไร เราสามารถให้ได้ และเราก็รู้ว่าเราต้องการอะไร แต่เราแพ้ไม่ได้”

    หลี่ฮุยหยวนโบกมือ กล่าวอย่างหม่นหมองว่า

    “ดังคำกล่าวที่ว่าจะต่อต้านการรุกรานภายนอกต้องทำภายในให้สงบก่อน ตอนแรกเริ่มที่สถาปนาแคว้น องค์ปฐมจักรพรรดิของต้าถังก็ถูกชาวฮวงบังคับให้ทำสัญญาสู้รบ น่าอัปยศอย่างยิ่ง แต่สุดท้ายก็กลับสามารถขับไล่ชาวฮวงออกไปจากดินแดนทุ่งหญ้าให้ไปสู่เขตหนาวทางซีกโลกเหนือราวฝูงวัวฝูงแพะ รับความหนาวเย็นและทุกข์เข็ญนับพันปี ต้องมีสักวันที่เราจะนำทัพไปเหยียบเขาเถาซานให้ราบเรียบ!”

     

    จอมปราชญ์และจักรพรรดิของต้าถังลาโลกไปตามลำดับ เวลานี้ดูแล้วชาวถังยอมรับความจริงนี้ได้แล้ว นี่เพราะชาวถังเห็นการเกิดตายพลัดพรากมาจนเคยชิน จิตวิญญาณของพวกมันโลดแล่นอยู่บนเส้นทางที่ทรหดมาโดยตลอด แต่ความจริงในใจของชาวถังล้วนกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะพวกบุคคลระดับสูง

    การเปลี่ยนแปลงชนิดนี้ถึงขนาดพวกมันเองยังไม่รู้ตัว พวกมันไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่ตรงไปตรงมาเหมือนอย่างตอนที่จอมปราชญ์และฝ่าบาทยังมีชีวิตอยู่ เริ่มพึ่งพาแผนการ ถึงขนาดเริ่มแสวงหาขุมกำลังจากภายนอก

    สำหรับทหารของต้าถังหลายหมื่นนายในเมืองเฮ่อหลัน ผลกระทบชนิดนี้ปรากฏให้เห็นในด้านอารมณ์ โดยเฉพาะเมื่อเสบียงเริ่มถูกจำกัด บรรยากาศในเมืองยิ่งหดหู่ซึมเศร้า

    “ก่อนฝนหยุดส่งม้าเร็วไปสามชุดแล้ว หลังฝนหยุดก็ส่งไปอีกหลายชุด คำนวณจากเวลา ขบวนเสบียงของค่ายบัญชาการทัพเหนือน่าจะมาถึงช้าสุดในวันมะรืน พระองค์อย่าได้กังวลจนเกินไป”แม่ทัพฮั่นชิงรายงานเสียงเบา

    “ถ้าม้าเร็วส่งสารถูกฆ่าเสียแล้วเล่า”พระอัครมเหสีถามด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

    ฮั่นชิงเผลอแสดงอาการฉุนเฉียว อยากเอ่ยปากพูดอะไร แต่ข่มกลั้นความบุ่มบ่ามที่จะด่าคำหยาบคายออกมาไว้ทัน โทสะของมันย่อมไม่ได้มุ่งไปที่พระอัครมเหสี แต่มุ่งไปที่คนบางคนในเมืองฉางอัน

    คืนวันนั้น เมืองเฮ่อหลันพยายามส่งสารไปอีกครั้ง กลับพบว่าค่ายกลส่งสารในวังหลวงเมืองฉางอันถูกปิดไปแล้ว ผู้คนในเมืองเฮ่อหลันจึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

    “พรุ่งนี้กระหม่อมจะเดินทัพลงใต้ พระองค์โปรดวางใจ ไม่มีผู้ใดกล้าขัดขวางพวกเรา”ฮั่นชิงกล่าวเสียงเข้ม

    พระอัครมเหสีกล่าวว่า

    “ไม่มีใครกล้าตัดเสบียงเมืองเฮ่อหลัน สวีฉือไม่กล้า หลี่อวี๋ก็ไม่กล้า สาเหตุที่ขบวนเสบียงมาไม่ถึงไม่ได้หมายความว่าที่ค่ายบัญชาการทัพเหนือเกิดปัญหา ปัญหาอาจอยู่ที่ทุ่งร้าง”

    หวงหยางต้าซือที่เงียบมาตลอดพลันเอ่ยว่า

    “กระหม่อมจะอ้อมทุ่งร้างตะวันออกกลับฉางอันก่อน”

    พระอัครมเหสีกล่าว

    “จอมปราชญ์ลาโลก ฝ่าบาทสวรรคต ต้าถังเกิดการสะเทือนครั้งใหญ่ ทั่วโลกก็สะเทือนไปด้วย คิดว่าทุ่งร้างตะวันออกตอนนี้คงไม่สงบเช่นกัน หลี่อวี๋ฉลาดหลักแหลม นางย่อมคิดได้ถึงเรื่องนี้ ทราบดีว่าทุ่งร้างตะวันออกกำลังเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่นางมั่นใจว่าตนแก้ไขได้ ข้ากลับกังวลว่านางจะประเมินศัตรูต่ำไป”

    ฮั่นชิงขมวดคิ้วถามว่า

    “พระอัครมเหสีทรงเห็นว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่…องค์หญิงจะร่วมมือกับราชสำนักเผ่าจินจั้ง ตัดทางเสบียงของเมืองเฮ่อหลัน”

    พระอัครมเหสีส่ายหน้า

    “หลี่อวี๋แม้วิสัยทัศน์ไม่ยาวไกล แต่นางทราบดีว่าตนคือชาวถัง ไม่ทำเรื่องเช่นนี้แน่…การเคลื่อนไหวของราชสำนักเผ่าจินจั้งตามความเห็นข้า แปดเก้าส่วนเป็นฝีมือของอาศรมเทพ ถึงอย่างนั้นข้าก็เชื่อว่านางคงดีใจมากที่เหตุการณ์กลายสภาพมาเป็นเช่นนี้”

     

    8 of 8หน้าถัดไป

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in Uncategorized

    นิยายยอดนิยม

    Facebook