“วันทั้งวันเขาเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องหนังสือท่านพ่อข้าอย่างนั้นหรือ ทำอะไรกันนะ” อู่เซี่ยวเคอครุ่นคิดก่อนจะยิ้มออกได้ “ข้ารู้แล้ว เขาต้องกำลังศึกษาภาพจำลอง ‘ลำนำเทพธิดาธารลั่ว’ ของกู้ข่ายจือสมัยจิ้นตะวันออกอย่างแน่นอน”
“ภาพลำนำเทพธิดาธารลั่วที่แขวนอยู่บนผนังทิศตะวันตกในห้องหนังสือหรือ เหตุใดจู่ๆ จึงสนใจมันขึ้นมาเล่า”
อู่เซี่ยวเคอยิ้ม “ไม่ใช่ท่านหรือที่บอกข้าว่าหลายวันก่อนเขาบังอาจแต่งนิทานจับมังกรทะเลใต้ในสำนักฉงเหวิน กระทั่งบทกวีเซียนท่องหล้าของเฉาจื๋อก็ถูกเอามาใช้ด้วยแล้ว”
“ใช่ เขาพูดจาเหลวไหลอะไรเกี่ยวกับเพลงนางเงือก ถึงกับยกบทกลอนของเฉาจื่อเจี้ยน* ช่างจับนี่ผสมนั่น ดึงตะวันออกลากตะวันตก ที่ย่ำแย่คือเด็กพวกนั้นยังคิดว่าเป็นเรื่องจริงเสียด้วย”
“ข้าคะเนว่าระยะนี้ลูกต้องบังเกิดความสนใจต่อเฉาจื่อเจี้ยนเป็นแน่” อู่เซี่ยวเคออธิบาย “อ่าน ‘ลำนำเทพธิดาธารลั่ว’ จนลุ่มหลง จึงไปห้องหนังสือของท่านพ่อ ชมภาพสร้างจินตนาการ”
ต้วนเหวินชางส่ายศีรษะ “ไม่รู้ว่าเมื่อใดจึงจะสนใจวิชาความรู้อันถูกต้อง วันทั้งวันเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องประหลาดภูตผีปีศาจพิสดาร แล้วยังชอบพูดมาก แต่งเรื่องเหลวไหลมาหลอกผู้คน กระทั่งขโมยผ้าเช็ดหน้าของเจ้าออกไปโอ้อวด เป็นเช่นนี้สืบไปจะสืบทอดสร้างชื่อเสียงให้แก่วงศ์ตระกูลได้อย่างไร”
“สร้างชื่อเสียงให้แก่วงศ์ตระกูลที่ท่านกล่าวมามีเพียงรับราชการเส้นทางเดียวหรอกหรือ” อู่เซี่ยวเคอถูกกระทบเรื่องในใจ อดตัดพ้อไม่ได้ “คิดถึงท่านพ่อข้ายามมีชีวิตเป็นคนชืดชาต่อชื่อเสียงลาภยศ แม้รับราชการถึงตำแหน่งสูงสุด สุดท้ายยังคง…”
ต้วนเหวินชางกลับกำลังคิด บรรพบุรุษของตระกูลเขาต้วนจื้อเสวียนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นเปากั๋วกง* นับเป็นขุนนางคุณูปการร่วมสร้างบ้านเมือง จัดชื่อไว้ในอันดับสิบของหอหลิงเยียน นอกจากรับราชการเป็นขุนนาง ต้วนเหวินชางก็คิดไม่ออกว่ายังมีอาชีพอื่นใดให้เลือก พ่อตาสุดท้ายเป็นถึงอัครเสนาบดี ในความเห็นของต้วนเหวินชางนั้นท่านเสียชีวิตอย่างน่าภาคภูมิใจ ความทะเยอทะยานด้านการปกครองของตัวเขาเองก็เฉกเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้หลังจากอู่หยวนเหิงถูกลอบสังหาร จึงตัดสินใจพาครอบครัวอำลาเฉิงตูที่อิสรเสรีสุขสบาย เข้านครหลวงแสวงหาความก้าวหน้า
อย่างไรก็ดี ช่วงหลายเดือนแรกนี้กลับไม่ราบรื่น ตนไม่คุ้นกับธรรมเนียมปฏิบัติของเหล่าขุนนางเมืองหลวง ยากที่จะหลอมรวมเข้าเป็นกลุ่มก้อนเดียวกันกับพวกเขา ต้วนเหวินชางพบว่าแม้ตนอยู่ในท้องพระโรง แต่กลับถูกกีดกันอยู่นอกแกนกลางอำนาจราชสำนักที่แท้จริง ทุกครั้งเมื่อเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงล้วนรู้สึกถึงในสายตาที่เหล่าขุนนางมองมา แฝงแววเหินห่าง ระวังป้องกัน หรือกระทั่งดูแคลน หากพ่อตายังมีชีวิตอยู่ สภาพการณ์ย่อมพลิกกลับอย่างแน่นอน ทว่า…
ยังมีต้วนเฉิงซื่อที่เป็นเด็กฉลาดเฉลียวโดดเด่นมาแต่เล็ก ต้วนเหวินชางเคยตั้งความหวังสูงส่งกับตัวบุตรชาย ทว่าตอนนี้ดูแล้วฉลาดเกินคนเป็นอัจฉริยะ ฉลาดล้ำเกินไปกลับคล้ายไม่ใช่เป็นเรื่องดี ครูที่สอนอยู่วังตะวันออกตั้งใจให้ต้วนเหวินชางไปห้องเรียนดู ‘ร่องรอยเลวร้าย’ ของบุตรชายเป็นพิเศษ จะมากจะน้อยก็มีเจตนากระทบกระเทียบพ่อลูกที่มาจากต่างถิ่นอยู่บ้าง
มังกรวารีทะเลใต้ อาศัยเพียงเรื่องเล่าลือไร้สาระต้วนเฉิงซื่อก็แต่งนิทานประหลาดพิสดารเยี่ยงนั้นออกมาได้ น่าประหลาดใจยิ่งนัก
ต้วนเหวินชางพลันถามขึ้น “ที่ซ่งรั่วอินมาเยี่ยม เคยพูดถึงเรื่องจับมังกรวารีทะเลใต้หรือไม่”
* จื่อเจี้ยน เป็นชื่อรองของเฉาจื๋อ
* กั๋วกง บรรดาศักดิ์ในสมัยโบราณ เป็นตำแหน่งซึ่งกษัตริย์แต่งตั้งให้เชื้อพระวงศ์หรือผู้มีความดีความชอบ บรรดาศักดิ์ 5 ขั้นรองจากชั้นอ๋องคือกง โหว ป๋อ จื่อ หนาน ซึ่งแต่ละสมัยมีคำเรียกและลำดับแยกย่อยต่างกัน กั๋วกงถือเป็นขั้นหนึ่งคือขั้นสูงสุดในลำดับกง (กงเจวี๋ย) ในประวัติศาสตร์จีนมีเพียง 7 คนที่ได้รับตำแหน่งเปากั๋วกง