(5)
อารามจินเซียนตั้งอยู่ในตรอกฝู่ซิงของนครฉางอัน หักตัวอารามที่นักพรตอาศัยบำเพ็ญเพียรภาวนาออกไปแล้วยังกินเนื้อที่ของเขตตรอกไปราวหนึ่งในสี่ ภายในอารามจินเซียนมีศาลา หอ อาคารมากมาย ยังมีสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่สมบูรณ์พร้อมด้วยภูเขาจำลอง สระน้ำ ต้นไม้ ดอกไม้ สายน้ำไหลไม่ขาดแม้สิ่งเดียว ในสายตาของเผยเสวียนจิ้งดูแล้ว ขนาดและความหรูหราของอารามพรตนี้ มากกว่าคฤหาสน์เสนาบดีของท่านอาเผยตู้ไม่รู้กี่เท่า หากคิดจะเปลี่ยนป้ายชื่อเหนือประตูเป็นวังสักแห่งก็ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน
เผยเสวียนจิ้งค่อยๆ รู้ความเป็นมาของอารามหลวงแห่งนี้ หลังจากรับราชโองการให้เข้าถือพรต ณ อารามจินเซียน
อารามจินเซียนได้ชื่อมาจากองค์หญิงจินเซียน พระราชธิดาของจักรพรรดิรุ่ยจง พระขนิษฐาของจักรพรรดิเสวียนจงหลี่หลงจี ในอดีตผู้ที่ถือพรตพร้อมกับองค์หญิงจินเซียน ยังมีองค์หญิงอวี้เจิน กนิษฐภคินีร่วมอุทรของนาง เมื่อกล่าวถึงสาเหตุที่องค์หญิงจินเซียนและอวี้เจินเข้าอาราม มิอาจไม่กล่าวถึงจักรพรรดินีอู่เจ๋อเทียน
เมื่อจักรพรรดิรุ่ยจงหลี่ตั้นขึ้นครองบัลลังก์ครั้งแรกนั้น ทรงสถาปนาโต้วซื่อเป็นเต๋อเฟย เต๋อเฟยก็คือมารดาผู้ให้กำเนิดหลี่หลงจี องค์หญิงจินเซียนและองค์หญิงอวี้เจิน รัชศกไจ้ชูปีที่หนึ่ง อู่เจ๋อเทียนถอดหลี่ตั้นออกจากบัลลังก์ กลับสู่สถานะรัชทายาทอีกครา ถูกกักบริเวณที่วังตะวันออกในลั่วหยาง ถึงรัชศกฉางโซ่วปีที่สอง พระชายาทั้งสองอย่างโต้วซื่อและหลิวซื่อของรัชทายาทถูกนางกำนัลเหวยถวนเอ๋อร์ใส่ความ กล่าวหาพวกนางใช้แม่มดหมอผีกระทำคุณไสยหนอนพญาพิษ ประทุษร้ายอู่เจ๋อเทียน เดือนหนึ่งวันที่สอง พระชายาทั้งสองรับราชโองการเข้าวังเข้าเฝ้าจักรพรรดินีอู่เจ๋อเทียน สุดท้ายประสบเคราะห์กรรมพร้อมกัน หลังจากนั้นถังรุ่ยจงกับถังเสวียนจงสองพ่อลูกพยายามเสาะหาศพของพวกนางหลายครั้ง แต่ล้วนหาไม่พบ ด้วยเหตุนี้หลังจากหลี่ตั้นย้อนขึ้นครองบัลลังก์ จึงทำได้เพียงใช้วิธีเชิญวิญญาณของทั้งสองมาร่วมฝังในสุสานจิ้งหลิง
นี่เป็นตัวอย่างเล็กน้อยของพระนางอู่เจ๋อเทียนที่ใช้วิธีเข่นฆ่าอย่างอำมหิต เพื่ออำนาจ แม้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขที่ตนเองให้กำเนิด นางก็เข่นฆ่าได้อย่างไม่คำนึงถึงน้ำใจทันที
และเนื่องเพราะมีเสด็จย่าเยี่ยงอู่เจ๋อเทียน องค์หญิงจินเซียนและอวี้เจินจึงได้เห็นคาวเลือดและความโหดเหี้ยมในราชสำนักมาแต่เล็ก ทั้งสองแสดงความปรารถนาร่วมกัน อ้างเรื่อง ‘ภาวนา’ ให้มารดาผู้ล่วงลับเป็นเหตุผลในการถือพรต บางทีเพื่อชดเชยให้แก่องค์หญิงทั้งสอง เมื่อจักรพรรดิรุ่ยจงสร้าง ‘อารามจินเซียน’ กับ ‘อารามอวี้เจิน’ ให้พวกนางนั้น จึงทุ่มเทสร้างอย่างใหญ่โตโอ่อ่าหรูหรา เป็นวังแปรพระราชฐานขนาดใหญ่ของเจ้านายสตรี
เนื่องจากเป็นอารามพรตหญิงของราชสำนัก หลังจากองค์หญิงจินเซียนแล้ว ร้อยปีมานี้ยังมีองค์หญิงแห่งต้าถังและเชื้อพระวงศ์ฝ่ายหญิงในราชสำนักเข้าอารามจินเซียนถือพรตหลายนาง ทว่าในรัชศกหยวนเหอปีที่สิบเมื่อเผยเสวียนจิ้งรับราชโองการเข้าอาราม กลับพบว่าอารามจินเซียนถูกปิดตายมานานหลายปีแล้ว เพื่อจัดแจงสถานที่ให้เผยเสวียนจิ้ง จักรพรรดิเซี่ยนจงจึงมีพระราชดำรัสให้ใช้อารามจินเซียนอีกครั้ง กระทั่งบรรดานักพรตที่ร่วมบำเพ็ญเพียรกับเผยเสวียนจิ้ง ก็โยกย้ายมาจากอารามพรตอื่นๆ ในนครฉางอัน
อารามจินเซียนถูกปิดตายปลายรัชศกเจินหยวน เผยเสวียนจิ้งพยายามสืบข่าวแล้วก็ยังไม่มีใครบอกเล่าสาเหตุแท้จริงแก่นางได้ เพียงได้ยินมาบ้างว่าปลายรัชศกเจินหยวนเกิดเหตุการณ์ฆ่าล้างอารามจินเซียน ตอนนั้นบรรดานักพรตในอารามถูกฆ่าเกือบหมด ตั้งแต่นั้นมาอารามจินเซียนก็ถูกราชสำนักออกคำสั่งปิดตาย ทว่าเหตุใดจึงเกิดการสังหารหมู่ เสาะหาฆาตกรได้แล้วหรือไม่ สุดท้ายแล้วถูกลงโทษตามกฎหมายบ้านเมืองแล้วหรือไม่ เหล่านี้ล้วนเป็นปริศนา
กระทั่งท่านอาเผยตู้ก็ยังอ้ำอึ้ง เผยเสวียนจิ้งพอคาดเดาได้ เบื้องหลังนี้เกรงว่าไม่อาจแพร่งพรายต่อภายนอก
ที่ยังเป็นปริศนามากเช่นกันก็คือตัวอารามจินเซียนนั่นเอง
พื้นที่ครึ่งหนึ่งทางฝั่งตะวันตกของอารามจินเซียนเป็นที่ตั้งวิหารเอกกับอาศรมพรต นับเป็นส่วนอารามหน้า นับแต่ที่เผยเสวียนจิ้งเข้าอาราม ครึ่งฟากนี้ก็เปิดใช้งาน ทว่าครึ่งฟากตะวันออกที่เรียกว่าอารามหลังอันประกอบด้วยสวนดอกไม้ เรือนศาลาหอสูงเป็นหลัก เนื้อที่ใหญ่โตกว่ามาก กลับยังคงปิดตายตามรับสั่งของจักรพรรดิเช่นเดิม ฟากตะวันออกของอารามจินเซียนติดชิดกับวัง หรือหมายความว่าผ่านอารามหลังไปก็เป็นวังหลวงอันใหญ่โตโอฬารแล้ว
