• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยาย เพลงกลอนคลั่งยุทธ์ เล่ม 4 บทที่ 3

    ซั่งซื่อหลางอ่านขาดถึงพลังพลองที่ฟาดมาโดยไม่กักเก็บแม้แต่น้อยนี้ เห็นว่าคมดาบในมือย่อมต้านรับไม่อยู่ จึงหมุนพลิกดาบเศียรปีศาจเปลี่ยนสันดาบหนาไปอยู่ด้านหน้าอย่างรวดเร็ว มือซ้ายหนุนเสริมข้อมือขวาที่จับดาบเอาไว้ยกขึ้นต้านรับ!

    ปลายพลองหุ้มเหล็กปะทะกับสันดาบอย่างรุนแรง เสียงโลหะกระทบกันดังก้องถนนใหญ่

    ตัวพลองเสมอคิ้วนั้นสร้างจากไม้อันแข็งแกร่งและแน่นเหนียวทำให้มีพลังดีดมาก ภายใต้การปะทะอันทรงพลัง หัวพลองพลันดีดกลับขึ้นฟ้า หยวนซิ่งรู้ดีถึงวัสดุของพลองนี้จึงยืมแรงดีดกลับ มือทั้งสองหมุนบิด ตวัดกรีดหัวพลองอีกด้านจากล่างขึ้นบนเป็นครึ่งวงกลมใหญ่อย่างรวดเร็ว เป็น ‘ท่าเหินไขว้สกัด’ เสยโจมตีท้องน้อยซั่งซื่อหลาง!

    กระบวนท่าชุดนี้ของหยวนซิ่งคือ ‘พลองราชากินนร’ อันเลื่องชื่อแห่งสำนักเส้าหลิน ตามบันทึกจากศิลาจารึกอันยาวนานภายในวัด แต่ก่อนวัดเส้าหลินเคยถูกโจรชั่วกลุ่มใหญ่ล้อมโจมตีปล้นชิง พลันมีคนผู้หนึ่งถือพลองขึ้นมายืนอยู่บนกำแพงวัด รูปโฉมและลักษณะของมันกลับขับไล่กองโจรไปด้วยความหวาดกลัว ไม่รบแต่ชนะ หลวงจีนในวัดจึงล้วนยกย่องคนผู้นี้ว่าเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมจำแลง และกลายร่างเป็นราชากินนร* ใช้เทพฤทธิ์ไล่โจรช่วยวัด นับแต่นั้นมาหลวงจีนวัดเส้าหลินยิ่งฝึกฝนหมัดและพลองมากกว่าเดิมเพื่อป้องกันการถูกล้อมปล้นอีก เพลงพลองชุดนี้ที่ถูกคิดค้นขึ้นจึงตั้งชื่อโดยอิงประวัติศาสตร์นี้เพื่อเป็นการระลึกถึง

    เรื่องจริงคือในปีนั้นหลวงจีนบู๊กลุ่มหนึ่งในวัดเส้าหลินลุกฮือขึ้นต่อต้านกองโจร ไล่สังหารจนโลหิตนอกสำนักไหลเป็นแม่น้ำ จึงทำให้โจรล่าถอยไปได้ เจ้าอาวาสในตอนนั้นรู้ดีว่าศึกนี้ทำบาปมหันต์เหลือเกินจึงปิดบังไม่เอ่ยถึง แล้วแทนที่ด้วยตำนานพระโพธิสัตว์แสดงอิทธิฤทธิ์ กระบวนท่าพลองราชากินนรชุดนี้คือประสบการณ์ที่หลวงจีนบู๊เส้าหลินศึกษารายละเอียดศึกเลือดในครั้งนั้นแล้วนำมาปรับปรุงสร้างเป็นวิชาพลองเส้าหลิน จึงแข็งกร้าวและหนักหน่วงที่สุด ทุกท่าทุกกระบวนล้วนเป็นเพลงพลองต่อสู้จริงเต็มกำลังไม่มีกักเก็บไว้

    ซั่งซื่อหลางเป็นศิษย์สายพลอีกา ฝีมือย่อมมิใช่ธรรมดา ขณะปิดป้องขึ้นด้านบน จิตใจก็ระแวงช่วงล่างไปพร้อมกัน เห็นหยวนซิ่งเปลี่ยนกระบวนท่าเป็นตวัดพลองดังคาด มันจึงกรีดดาบเศียรปีศาจเป็นวงโค้ง ขวางดาบลงด้านล่างใช้คมสะกดไว้ได้อีกเป็นครั้งที่สอง

    ขณะที่ดาบเศียรปีศาจกระทบกับพลอง ซั่งซื่อหลางก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว ใช้ส่วนโคนใกล้โกร่งดาบกดพลองเสมอคิ้วเอาไว้และไถลคมไปบนตัวพลอง เฉือนไปยังมือซ้ายของหยวนซิ่ง!

    หยวนซิ่งอาศัยว่ามือซ้ายสวมเกราะทองสำริด ไม่หดไม่หลบ กลั้นหายใจหนึ่งเฮือก ในใจยืมภาวะนึกภาพมือซ้ายทั้งท่อนแปรเป็นโลหะเหล็กกล้าชิ้นหนึ่ง

    พลังแข็งเส้าหลิน ‘วิชาภูษาเหล็ก’

    สันดาบเศียรปีศาจของซั่งซื่อหลางหนาและกว้าง ค่อนข้างหนักอึ้ง ถึงแม้ดาบเฉือนกระบวนนี้เคลื่อนไหวไม่มาก แต่พลังโจมตีก็ไม่เบาอย่างแน่นอน กอปรกับฟันไปบนหมัดที่มีกระดูกเรียวเล็ก ต่อให้กั้นด้วยเกราะทองสำริด แรงดาบก็เพียงพอที่จะทำลายข้อนิ้วได้เช่นกัน แต่พลังปราณวิชาภูษาเหล็กของหยวนซิ่งประสบผล ดาบเศียรปีศาจเฉือนลงบนเกราะหมัดมิเพียงไม่สะเทือนแม้แต่น้อย ซ้ำตัวดาบยังถูกดีดออกไป!

    * ‘กินนร’ มีความหมายในภาษาบาลีสันสกฤตว่า ‘คนอะไร’ เป็นอมนุษย์ใน ‘เหล่าเทพและอมนุษย์แปดจำพวก’ ตามหลักความเชื่อทางพุทธศาสนานิกายมหายาน ในตำนานเล่าว่าบนศีรษะมีเขาเดียว ชำนาญเรื่องการขับร้องร่ายรำ

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook